Post Views:
1, 018
World Economic Forum หรือ WEF เปิดเผยรายงาน Global Competitiveness Index 4. 0 2019 edition ดัชนีศักยภาพการแข่งขันทั่วโลกที่เกิดขึ้นในปี 2019 โดยประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 40 จาก 141 ลำดับ
สำหรับในปี 2019 นั้นจากการจัดลำดับประเทศไทยตกลงมาจากลำดับที่ 38 ในปี 2018 มีการใช้พลังงานทดแทนหรือพลังงานหมุนเวียนสูงถึง 22% โดยทำการประเมินศักยภาพผ่าน 12 หัวข้อหลัก ได้แก่
สถาบันหลัก (Institution) ได้คะแนน 54. 8 คะแนน อยู่ลำดับที่ 67 ประเทศที่มีคะแนนดีที่สุด ฟินแลนด์
โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ได้คะแนน 67. 8 คะแนน อยู่ลำดับที่ 71 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด สิงคโปร์
การปรับใช้เทคโนโลยี ICT (ICT Adoption) ได้คะแนน 60. 1 คะแนน อยู่ลำดับที่ 62 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด เกาหลีใต้
ความมั่นคงของเศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomy Stability) ได้คะแนน 90 คะแนน อยู่ลำดับที่ 43 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด หลายประเทศ (33 ประเทศ)
สุขภาพ (Health) ได้คะแนน 88. 9 คะแนน อยู่ลำดับที่ 38 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด หลายประเทศ (4 ประเทศ)
ทักษะ (Skills) ได้คะแนน 62. 3 คะแนน อยู่ลำดับที่ 73 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด สวิตเซอร์แลนด์
ตลาดผลิตภัณฑ์ (Product Market) ได้คะแนน 53.
ไทยอยู่ตรงไหน? ในดัชนีความสามารถทางการแข่งขันจาก WEF จาก 141 ประเทศ – THE STANDARD
Global Competitiveness Report 2019 ของ World Economic Forum (WEF) ได้มีการประกาศผลออกมาแล้ว โดย 'ไทย'อยู่ในอันดับ 40 ลดลงจากปี 2018 ที่อยู่ในอันดับ 38 แม้คะแนนจะขยับขึ้นจาก 67. 8 เป็น 68. 1 แต่อันดับที่ลดลง ได้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบ้านเราที่อาจจะเสียเปรียบเมื่อแข่งขันกับประเทศอื่นบนเวทีการค้าโลก
ภาพที่เกิดขึ้น ทาง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทั้งหมดจากผลข้อมูลจาก WEF โดยพบว่า
ดัชนีชี้วัดขีดความสามารถในการแข่งขันที่ทางไทยยังทำได้ไม่ดี มีด้วยกัน 4 ด้านหลัก ๆ ได้แก่
1. คะแนนด้านสภาพแวดล้อมหน่วยงานที่ลดลง จาก 55. 1 เป็น 54. 8 สะท้อนให้เห็นถึงการลดปัญหาการทุจริตที่ไม่ดีนัก
2. คุณภาพของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งคะแนนลดลงจาก 69. 7 เป็น 67. 8 และอันดับตกจาก 60 เป็น 71
3. การ พัฒนาทักษะของคนในประเทศ คะแนนลดลงจาก 63 เป็น 62. 3 และอันดับลดลงจาก 66 เป็น 73 สาเหตุหลักเกิดจากทักษะของผู้สำเร็จการศึกษาแย่ลง และการสอนให้คิดเชิงวิพากษ์ที่ยังทำได้ไม่ดี
4. การ ลดช่องว่างในการแข่งขันของตลาดภายในประเทศ คะแนนใกล้เคียงเดิม คือ จาก 53. 4 เป็น 53. 5 แต่ในทางกลับกันประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม ลาวและบรูไนกลับทำคะแนนได้โดดเด่นกว่าบ้านเราเมื่อเทียบกับปี 2018 ทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม หากไทยต้องการได้เปรียบบนเวทีแข่งขันทางการค้าระดับโลก
ขณะที่ ดัชนีชี้วัดขีดความสามารถในการแข่งขันที่ไทยทำได้ดีและถือเป็นจุดเด่นของประเทศ ได้แก่
1.
World
ทักษะ (Skills) โดยคะแนนด้านนี้ลดลงมาอยู่ที่ 62. 3 คะแนน (จากปีก่อนที่ 63 คะแนน) ทั้งนี้ อันดับยังลดลงมาอยู่ที่ 73 ของโลก จากปีก่อนอยู่ที่อันดับ 66 ของโลก ซึ่งคะแนนที่ลดลงมาจากทักษะของผู้จบการศึกษาแย่ลง และการสอนให้ติดเชิงวิพากษ์ยังไม่ดี
2. การแข่งขันภายในประเทศ (Product Market) ของไทยได้คะแนนอยู่ในระดับต่ำที่ 53. 5 คะแนน ซึ่งแสดงว่า การดำเนินนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุน และทำให้การแข่งขันในตลาดผิดเพี้ยนในระดับสูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศที่ได้คะแนนระดับสูง
3. สภาพแวดล้อมหน่วยงาน (Instisutions) ประเทศไทยมีคะแนนอยู่ที่ 54. 8 คะแนน ลดลงจากปี 2561 ที่อยู่ 55. 1 คะแนน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะต่อยอดเศรษฐกิจไทย ปัจจุบันยังมีความโปร่งใสไม่ดีนัก
4. ความสามารถทางนวัตกรรม (Innovation Capability) แม้ว่าจะมีคะแนนสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 43. 9 คะแนน จากปี 2561 อยู่ที่ 42. 1 คะแนน แต่ไทยยังไม่สามารถพัฒนานวัตกรรมได้เอง ซึ่งอาจกระทบต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงพาณิชย์ในระดับต่ำ
"ความสามารถทางการแข่งขันในเวทีโลกที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เกิดจากการพัฒนาประเทศอย่างเดียว แต่เกิดจากการเปรียบเทียบการพัฒนาของประเทศอื่นๆ แม้ว่าระดับความสามารถของประเทศเพิ่มขึ้น แต่บริบทของเศรษฐกิจโลกก้าวพัฒนาไปมากกว่า จึงต้องอาศัยกลยุทธ์การพัฒนาที่เหนือกว่าประเทศคู่แข่งขันด้วย"
ทางออกของประเทศไทย?
English
หรือ กลต.
ปี 2019 World Economic Forum (WEF) รายงานดัชนีความสามารถทางการแข่งขัน โดยประเทศไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้น 0. 6 คะแนน แต่อันดับลงมาอยู่ที่ 40 จากเดิมที่อยู่อันดับ 38 จาก 141 ประเทศทั่วโลก ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ขึ้นแท่นที่ 1 ของโลก แซงหน้าสหรัฐฯ ส่วนคู่แข่งของประเทศไทยอย่างประเทศเวียดนามปรับขึ้น 10 อันดับมาอยู่ที่ 67
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่
ภาพประกอบ: กริน วสุรัฐกร
Review
- World economic forum 2019 ไทย voathai
- World economic forum 2019 ไทย world
- World economic forum 2019 ไทย full
- โหลด เกมส์ gta 5 pc games
- World economic forum 2019 ไทย philippines
WEF เผยข้อมูลศักยภาพการแข่งขันไทยปี 2019 อยู่ลำดับที่ 40 | Modern Manufacturing
เมื่อประเทศไทยเชื่อมโยงกับทั่วโลกมากขึ้น หากไทยแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ไม่ได้ เศรษฐกิจย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย แต่เมื่อ World Economic Forum (WEF) รายงานว่า ปี 2562 ดัชนีความสามารถทางการแข่งขันของไทยอันดับตกลง แม้ว่าจะได้คะแนนเพิ่มขึ้น
สาเหตุและทางออกของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร
รื้อ 4 สาเหตุใหญ่ลดความสามารถทางการแข่งขันของไทย
ผศ. ดร. วิเลิศ ภูริวัชร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปี 2562 นี้ จากรายงานดัชนีความสามารถทางการแข่งขันของประเทศไทยมีคะแนนอยู่ที่ 68. 1 คะแนน จากปี 2561 อยู่ที่ 67. 5 คะแนน แต่อันดับของไทยตกลงมาอยู่ที่ 40 จาก 141 ประเทศทั่วโลก ซึ่งปี 2561 ที่ผ่านมา ไทยอยู่ในอันดับที่ 38
จากรายงาน ประเทศไทยมีจุดเด่นใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. เสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาค 2. ระบบการเงิน 3. สาธารณสุข โดยคะแนนอยู่ในระดับสูงที่ 80 คะแนนขึ้นไป
การรายงานครั้งนี้ประเทศที่โดดเด่นคือ ประเทศสิงคโปร์ ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของโลกแซงหน้าประเทศสหรัฐอเมริกาที่เคยครองอันดับ 1 ของโลกในปี 2561 แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ประเทศเวียดนามขยับขึ้นสูงถึง 10 อันดับสูงที่สุดในโลก มาอยู่ที่ 67 ของโลกจากปี 2561 อยู่ที่อันดับ 77
ทั้งนี้ ประเทศไทยจะหยุดนิ่งหรือมุ่งก้าวให้ทันคนอื่นไม่ได้แล้ว ดังนั้น มาดูข้อมูลเชิงลึกจากรายงานนี้ว่า จุดอ่อนของไทยทั้ง 4 ด้าน ได้แก่
1.
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. ) เสนอเรื่อง สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum: WEF) ซึ่งได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ ประจำปี 2562 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2562 โดยมีประเด็นที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. ประเทศที่ครองสามอันดับแรกยังคงเป็นกลุ่มเดิม ในขณะที่อันดับของประเทศไทยลดลง 2 อันดับ แม้ว่าจะมีคะแนนดีขึ้น 0. 6 คะแนน
ผลการจัดอันดับในภาพรวมปี 2562 ปรากฏว่าสิงคโปร์ได้ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ 1 จากทั้งหมด 141 ประเทศ ตามด้วยสหรัฐอเมริกาและฮ่องกงตามลำดับ ในขณะที่ประเทศไทยมีอันดับลดลง 2 อันดับ จากอันดับที่ 38 ในปี 2561 เป็น 40 ในปี 2562 แม้จะทำคะแนนได้ดีขึ้นเล็กน้อย จาก 67. 5 เป็น 68. 1 แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความก้าวหน้าในภาพรวมดีขึ้นเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงในรอบปีที่ผ่านมายังไม่ชัดเจนและรวดเร็วมากพอเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
2. จุดเด่นและประเด็นที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมจากผลการจัดอันดับโดย WEF
2. 1 ฐานขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยเด่น ได้แก่ 1) สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคที่มีเสถียรภาพ ซึ่งได้คะแนน 90 จาก 100 คะแนน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำและการบริหารจัดการหนี้ที่เสถียร 2) ภาคการเงินที่เข้มแข็ง ซึ่งได้คะแนน 85.
9 เป็น 75. 5 โดยเป็นอันดับที่ 18 คงที่จากปีที่แล้ว
มิติที่สี่ ระบบนิเวศของนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ไทยได้คะแนน 116 คะแนน จาก 200 คะแนน โดยด้านการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ (Business Dynamism) มีคะแนนสูงขึ้น คือ จาก 71 เป็น 72 อันดับสูงขึ้น จาก 23 เป็น 21 เนื่องจากความคล่องตัวของธุรกิจในประเทศไทยดีขึ้นจากทั้งเงื่อนไขต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้น และแนวคิดการเป็นผู้ประกอบการที่มากขึ้น ส่วนด้านความสามารถทางนวัตกรรม (Innovation Capability) มีคะแนนสูงขึ้น คือ จาก 42. 1 เป็น 43.
0 โดยประเทศไทยมีคะแนนดัชนีความสามารถทางการแข่งขันที่ดีขึ้นจาก 67. 5 คะแนนเป็น 68. 1 คะแนน อย่างไรก็ตาม อันดับกลับลดลงอยู่ในอันดับที่ 40 ของโลก จากทั้งหมด 141 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ จากปี 2561 ที่อยู่ในอันดับ 38
อันดับของไทยจาก 141 ประเทศอยู่ในอันดับที่ 40
อันดับที่
ประเทศ
ปี 2561
ปี 2562
เพิ่มขึ้น/ ลดลง
1
สิงคโปร์
83. 5
84. 8
เพิ่มขึ้น
2
สหรัฐอเมริกา
85. 6
83. 7
ลดลง
3
ฮ่องกง
82. 3
83. 1
4
เนเธอร์แลนด์
82. 4
5
สวิตเซอร์แลนด์
82. 6
6
ญี่ปุ่น
82. 5
7
เยอรมัน
82. 8
81. 8
8
สวีเดน
81. 7
81. 2
9
อังกฤษ
82. 0
10
เดนมาร์ก
80. 6
คงที่
40
ไทย
67. 5
68. 1
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียน+3
เกาหลีใต้
78. 8
79. 6
มาเลเซีย
74. 4
74. 6
จึน
72. 6
73. 9
อินโดนีเซีย
64. 9
64. 6
บรูไน
61. 4
62. 8
ฟิลิปปินส์
62. 1
61. 9
เวียดนาม
58. 5
ไทย ยังตามหลังคะแนนของมาเลเซียอยู่ เช่น เรื่องพาสปอร์ตของมาเลเซียสามารถใช้เดินทางเข้าได้หลายประเทศมากกว่าของไทย อาจเป็นเพราะว่าประเทศมาเลเซียได้รับความไว้วางใจมากกว่าประเทศไทยหรือไม่?
5 คะแนน อยู่ลำดับที่ 84 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด ฮ่องกง
ตลาดแรงงาน (Labour Market) ได้คะแนน 63. 4 คะแนน อยู่ลำดับที่ 46 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด สิงคโปร์
ระบบการเงิน (Financial System) ได้คะแนน 85. 1 คะแนน อยู่ลำดับที่ 16 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด ฮ่องกง
ขนาดตลาด (Market Size) ได้คะแนน 75. 5 คะแนน อยู่ลำดับที่ 18 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด จีน
พลวัตทางธุรกิจ (Business Dynamism) ได้คะแนน 72 คะแนน อยู่ลำดับที่ 21 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด สหรัฐอเมริกา
ความสามารถด้านนวัตกรรม (Innovation Capability) ได้คะแนน 43. 9 คะแนน อยู่ลำดับที่ 50 ประเทศที่มีคะแนนสูงที่สุด เยอรมนี
จะเห็นได้ว่าประเทศไทยนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่ระบบการเงิน มีความเสถียรภาพของเศรษฐศาสตร์มหภาคในระดับสูง คะแนนศักยภาพโดยมากขอวประเทศไทยเรียกได้ว่าเกาะเส้นกลางเป็นส่วนใหญ่ แต่ที่น่าตกใจ คือ ความสามารถด้านนวัตกรรมที่เรียกได้ว่าตกเกณฑ์กลาง ซึ่งมีจุดอ่อนสำคัญอยู่ที่ส่วนของงานวิจัยและพัฒนาซึ่งมีคะแนนเพียง 33. 6 คะแนน และในหมวดย่อยนี้ญี่ปุ่นถูกจัดให้เป็นอันดับ 1 ด้านวิจัยและพัฒนา
ที่มา: